เรียนรู้และทำความเข้าใจแนวคิดการเริ่มต้นธุรกิจเครือข่าย(ABCD)
A = Attitude ทัศนคติ
B = Believe ความเชื่อ
C = Commitment พันธะสัญญา
D = Dream เป้าหมายหรือความใฝ่ฝัน
A = Attitude ทัศนคติ
ทัศนคติที่ดีมีผลต่อความสำเร็จในชีวิตอย่างไร?
“หนึ่งเหรียญ มี 2
ด้าน หนึ่งชีวิต มีหลายมุมมอง อยู่ที่ว่าเรามองด้านบวกหรือด้านลบ
พ่อแม่สร้างชีวิต ความคิดสร้างอนาคต”
คนเราจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว มีความคิดเป็นองค์ประกอบสำคัญ ใครๆก็อยากประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น
ไม่มีใครหรอกที่อยากจะประสบความล้มเหลว แต่ทำไมจึงมีคนสำเร็จน้อยแล้วมีคนล้มเหลวเยอะ คำตอบก็คือคนส่วนใหญ่
มีความคิดด้านลบที่วนเวียนอยู่ในสมองมากกว่าความคิดด้านบวก
ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุและปัจจัยเป็นพื้นฐาน กรรมพันธ์
/ การอบรมเลี้ยงดู การศึกษา/ สภาพแวดล้อม
ประสบการณ์ ล้วนเป็นเหตุและปัจจัยทั้งสิ้น
หากเหตุและปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดหล่อหลอมในจิตใจด้านบวก
คนคนนั้นก็จะประสบความสำเร็จในชีวิต มองทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่ความสวยงาม
แต่ถ้าเหตุและปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นด้านลบ ทุกสิ่งทุกอย่างก็มองเป็นลบไปหมด มองเห็นแต่ปัญหา มองเห็นอะไรก็เป็นปัญหา เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า
“คนที่ประสบความสำเร็จจะบอกว่า ทุกปัญหามีคำตอบ
แต่สำหรับคนที่ประสบความล้มเหลว ทุกคำตอบมีแต่ปัญหา”
“ธุรกิจเครือข่าย เป็นเรื่องของแนวความคิด 80%
วิธีการ 20%
ถ้าแนวคิดผ่าน
วิธีการก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
ดังนั้นจากความสำเร็จ 100%
รากฐานสำคัญคือทัศนคติเชิงบวก 80 % ส่วน อีก 20 % คือวิธีการที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
ผมเชื่อเหลือเกินว่าหลายๆ
ท่านอยากประสบความสำเร็จตามที่ตนเองฝันและต้องการ แต่อาจจะยังไม่เข้าใจว่า ทัศนคติมันคืออะไร ? แล้วที่บอกว่าถ้าประสบความสำเร็จนั้นต้องมีทัศนคติเชิงบวก
100 % นั้นต้องทำอย่างไร ? ผมต้องขอบอกกับทุกๆท่านว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก
ต้องอธิบายอย่างละเอียดค่อยๆศึกษาทำความเข้าใจ แล้วศึกษาวิธีปรับทัศนคติของตนเองให้อยู่ในระดับเดียวกันกับผู้ประสบความสำเร็จเราก็จะประสบความสำเร็จจริงๆ
ขอเพียงท่านแวะเวียนเข้ามาศึกษาเป็นประจำ รับรองจะได้ความกระจ่างชัดยิ่งขึ้น
“ทัศนคติ” จุดเริ่มต้นของความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย
“ธุรกิจเครือข่าย” ถึงแม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่ให้โอกาสกับคนทุกคน ทุกสาขาอาชีพ
ให้เข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจ
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่เข้าร่วมทำธุรกิจนี้จะประสบความสำเร็จ
สิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะ เหนี่ยวรั้ง หรือ ผลักดัน
ความสำเร็จของนักธุรกิจเครือข่าย นั่นคือ “ทัศนคติ” คำสั้นๆ แต่มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก
มีผู้คนจำนวนมากที่เคยเข้าสู่ธุรกิจเครือข่าย
และจากธุรกิจนี้ไปอย่างผิดหวัง
และมีไม่น้อยที่สาเหตุของการไม่ประสบความสำเร็จนั้นเกิดจากการที่เราไม่สามารถจัดการกับทัศนคติ
และความรู้สึกภายในจิตใจของตนเองได้ ซึ่งถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจเครือข่าย
อย่าให้ความกลัวหยุดยั้งความสำเร็จ
ความกลัว
เป็นสิ่งที่หยุดยั้งคนเรา จากการลงมือทำในสิ่งต่างๆเพื่อสร้างความสำเร็จ และ
ความกลัวนี้เอง ทำให้หลายคนต้องล้มเลิกความฝันของตนเอง หรือลดขนาดความฝันลง
เพื่อที่จะให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวอีก เป็นเรื่องยากที่จะขจัดความกลัวให้หมดไป
ผู้ที่สามารถควบคุมความกลัวของตนเอง จึงเป็นผู้ที่ได้เปรียบในทุกๆ การแข่งขัน
ไม่ว่าจะเป็นในชีวิต หรือธุรกิจก็ตาม เพราะเมื่อเราสามารถควบคุมความกลัวได้
เราย่อมสามารถลงมือทำ โดยเพิกเฉย เสียงของความกลัว ที่คอยเตือนเรา
เพื่อให้เราหยุดการลงมือทำนั้นในที่สุด
มีคนกล่าวไว้ว่า
ความแตกต่างของผู้ประสบความสำเร็จและผู้ที่ล้มเหลว มีเพียงเส้นบางๆที่ขวางกั้นไว้
นั่นก็คือ ผู้คนที่ล้มเหลวปล่อยให้ความกลัวนั้นหยุดยั้งพวกเขาไว้
ในขณะที่ผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้นลงมือทำทั้ง ๆ ที่กลัว
มองที่ความสำเร็จ ไม่ใช่ที่อุปสรรค
หลาย ๆ
ครั้งที่เรานั้นไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ก็เพราะเราไม่ได้มุ่งความสนใจไปยังการประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง แต่กลับมัวเสียเวลาให้กับอุปสรรค หรือปัญหาต่าง ๆ จนบางครั้งกลับละเลยกับเป้าหมายที่แท้จริง เพราะฉะนั้นพวกเราควรมีสติตลอดเวลา
อย่ามัวหลงอยู่กับกับดักชีวิต หรืออุปสรรคระหว่างทาง
ทำให้เราละทิ้งเป้าหมายและความสำเร็จในชีวิต
กล้าชนทุกอุปสรรค ให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ
กล้าชนทุกอุปสรรค เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ซึ่งในชีวิตจริงของผู้คน ต่างมีความต้องการได้สิ่งต่าง
ๆ เหมือน ๆ กัน แต่จะมีเพียงกลุ่มคนบางกลุ่ม
ยอมแลกบางสิ่งบางอย่างในชีวิตของพวกเขา เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการ
ในขณะที่บางกลุ่มกลับมีข้ออ้างมากมาย
การที่เราจะสามารถประสบความสำเร็จ
เราจำเป็นต้องเสียสละและแลกบางสิ่งบางอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์นั้น
เพราะถ้าเรายังคงทำสิ่งเดิม ๆ แต่คาดหวังกับผลลัพธ์ที่แตกต่าง
เราคงไม่แตกต่างกับคนที่เผ้อฝันไปวัน ๆ อย่างแน่นอน
อีกประการที่สำคัญก็คือ ผู้ชนะ
หรือผู้ประสบความสำเร็จ เข้าใจความลับของการเลือก ระหว่างผลลัพธ์ในชีวิต และ
เหตุผลในการใช้ชีวิต เพราะคนที่ล้มเหลวทั้งหมด จะเฝ้าหาเหตุผลที่ดี ๆ
เพื่อทำให้พวกเขาดูดีในสายตาผู้อื่น ในสาเหตุที่พวกเขาไม่สามารถประสบความสำเร็จ
ในการทำเป้าหมายให้เป็นจริง
มองหาเป้าหมายที่แท้จริงของคุณให้เจอ
เหตุใดคุณจึงต้องประสบความสำเร็จ คุณต้องการความสำเร็จนี้ไปเพื่อใคร
และความสำเร็จนี้จะเปลี่ยนชีวิตคุณอย่างสิ้นเชิงไปได้อย่างไร
และเมื่อคุณค้นพบความสำเร็จนั้นแล้ว จงยอมแลกทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง
เพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา และไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด อย่าได้ยอมแพ้
และคุณจะสามารถบรรลุฝัน และกลายเป็นบุคคลหนึ่ง ที่ประสบความสำเร็จ….
เทคนิคในการเปลี่ยนความคิดแบบง่าย ๆ
หาหนังสือดีดีมาอ่าน
หนังสือที่ขอแนะนำ
#เเนะนำหนังสือใหม่ #หนังยางล้างใจ
หนังยาง กับ 21 วัน กับ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงแบบมหัศจรรย์
เอาหนังยางเส้นเล็กๆ มาใส่ข้อมือ ลองทำอะไรบางอย่าง 21 วัน
แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไปตลอดกาล นั่นคือคอนเซ็ปท์ของหนังสือเล่มนี้
หนังสือเล่มนี้
จึงมาพร้อมกับการแนบหนังยางหนึ่งเส้น ให้ได้เอามาใช้งานจริงไปควบคู่กับการอ่าน ผู้อ่านสามารถทดลอง
ทดสอบสิ่งที่จะแก้ไขในตนเอง ว่าจะเป็นจริงอย่างที่หนังสือว่าไว้
อย่างที่ผู้ทดลองคนอื่นๆบอกว่า จริง หรือไม่ ?
มันเป็นเรื่องเล็กๆตรงข้อมือ
ที่สามารถเปลี่ยนโลกของคนได้ ที่สำคัญคือมันใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน
ลองหาสิ่งที่คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงซักอย่าง
เปิดหนังสือเล่มนี้ทีละหน้า ทีละบท เอาหนังยางมาใส่ข้อมือ แล้วมาพิสูจน์กันว่า
มีเรื่องมหัศจรรย์ เกิดขึ้นอย่างไร ?
แล้วมาเล่าให้กันฟังด้วยนะครับ
ความเชื่อมั่นและศรัทธา
ความเชื่อ (Belief) เป็นพื้นฐานความคิด และมีนัยสำคัญอย่างมากต่อการดำรงอยู่ร่วมกันของมนุษย์
เพื่อที่จะก่อให้เกิดผลของการกระทำใดๆ
ให้สำเร็จลุล่วงได้ตามความปรารถนาร่วมกันของสังคมนั้นๆ
ความเชื่อจะนำไปสู่การปฏิบัติที่จริงจัง มุ่งมั่น ด้วยความวิระยะ อุตสาหะ
และคำนึงถึงเป้าหมายอย่างแท้จริง
เมื่อมนุษย์เรามีความเชื่อมั่นและศรัทธาอย่างแรงกล้าแล้ว
จะทำให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตัวของเรา ฉะนั้นจงแปรเปลี่ยนความลังเล สงสัย
และหดหู่ แล้วทดแทนด้วยความรู้สึกที่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้า
เพื่อที่จะดึงดูดพลังแห่งความสำเร็จที่สร้างสรรค์เข้ามาหาตัวเราให้มากที่สุด คนเราส่วนใหญ่ไม่ปล่อยให้ตนเองนึกอยากได้สิ่งที่ตนเองต้องการจริงๆ
เพราะมองไม่เห็นว่าสิ่งนั้นจะเป็นจริงได้อย่างไร จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของความล้มเหลว
ฉะนั้นจงเชื่อมั่นและศรัทธาอย่าหวั่นไหววิตกกังวลใดๆ
เพื่อให้เกิดภาพแห่งความสำเร็จในอนาคต ส่วนในการทำงานร่วมกับเรานั้น
เราต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธาด้วยความมั่นใจในบริษัท
ผลิตภัณฑ์ แผนการตลาดของเรา เราต้องเชื่อว่าตนเองคือผู้หนึ่งที่มีความสามารถ
และเป็นผู้หนึ่งที่จะสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายได้
และผลจากความเชื่อมั่นเช่นนี้ก็จะนำพาเราไปสู่จุดมุ่งหมายได้
ดั่งที่เราเชื่อมั่นและศรัทธา
สิ่งที่เป็นตัวกำหนดการลงมือทำธุรกิจเครือข่ายของคุณคือ
?
การลงมือทำธุรกิจเครือข่ายของแต่ละคน
หรือการสร้างผลลัพธ์ในธุรกิจเครือข่ายของแต่ละคน
ล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างกันออกไปด้วยกันทั้งสิ้น
ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวสร้างความแตกต่างนั้น
ก็คือความเชื่อที่แตกต่างกันนั่นเอง โดยความเชื่อที่เป็นด้านเสริมสร้างพลัง
จะทำให้คุณสามารถลงมือทำธุรกิจเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และสร้างผลลัพธ์ได้อย่างมหาศาล
ในขณะที่ความเชื่อที่เป็นด้านบั่นทอนพลังจะทำให้คุณไม่สามารถลงมือทำธุรกิจเครือข่ายและสร้างผลลัพธ์ได้เลย
เพราะความเชื่อทั้งหมดนั้นเป็นตัวกำหนดการลงมือทำธุรกิจเครือข่ายของคุณ
ดังนั้นถ้าคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จหรือได้รับผลลัพธ์จากธุรกิจเครือข่ายให้ได้
คุณจำเป็นต้องมีความเชื่อที่จะเอื้อให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายก่อน
ความเชื่อและความศรัทธา
ที่จำเป็นในธุรกิจเครือข่าย คือ
ความเชื่อมั่นในบริษัทและผลิตภัณฑ์
เมื่อท่านเริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจเครือข่าย ท่านมีอิสระอย่างเต็มที่ในการเลือกบริษัท ผลิตภัณฑ์หรือบริการ
แผนการจ่ายผลตอบแทน ทีมงานและระบบ ที่ท่านสนใจ
ซึ่งสามารถหาข้อมูลโดยทางอินเตอร์เน็ต สอบถามจากทีมงาน ข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ
เพราะปัจจุบันมีธุรกิจเครือข่ายมากมายที่น่าสนใจ
ผลิตภัณฑ์ของบริษัท
คือหัวใจของการทำธุรกิจ
ถ้าสินค้าของเราไม่ดีจริงการนำไปเสนอหรือแนะนำให้กับผู้มุ่งหวังก็คงเป็นเรื่องยาก
สืงที่จะทำให้เราเกิดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ก็คือ
การทดลองใช้ด้วยตนเองก่อนจนเห็นผลและเกิดความเชื่อมั่น
เมื่อใช้ดีแล้วจนเกิดการบอกต่ออย่างเป็นธรรมชาติ
ความเชื่อมั่นในอัพไลน์
การสอน
&
นักเรียนที่ดี
ในธุรกิจเครือข่ายสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ
การเดินตามคนสำเร็จหรือการ“Copy” ไม่ว่าผู้สำเร็จจะเป็น
“อัพไลน์”เราเอง” หรือ “ผู้สำเร็จ”คนอื่นก็ตาม
ซึ่งเขาเหล่านั้นจะนำเทคนิคประสบการณ์ต่างๆ ของเขามาทำการสอนให้กับทีมงานให้ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน
สิ่งที่ทุกคนจะต้องทำในฐานะ “ดาวไลน์” คือ
การเป็นนักเรียนที่ดี
คนเราถ้ามีความรู้มาก
ก็จะมีความมั่นใจมาก ส่วนคนที่ไม่หมั่นศึกษาเรียนรู้
เขาก็จะรู้สึกกลัวเพราะความไม่มั่นใจว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา
ความเชื่อมั่นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของผู้ทำธุรกิจเครือข่าย
เนื่องจากสมาชิกใหม่ทุกๆคนจะรู้สึกมี “ความหวัง” เมื่อได้เริ่มต้นทำธุรกิจ…
.เพราะธุรกิจจะสอนเราว่าความสำเร็จในการทำธุรกิจ
สิ่งที่คุณจะได้ก็คือเรื่องของเงินและเวลา แต่ละคนจึงตั้งหน้าตั้งตาทำธุรกิจด้วย “ความหวัง” ว่าจะเป็นคนหนึ่งซึ่งประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายแบบคนอื่นๆ
เราสังเกตจากคนที่เลิกทำธุรกิจ ส่วนใหญ่ชวนคนไม่ได้ หรือชวนคนได้แต่ไม่สามารถรักษาองค์กรของตนเองได้ เนื่องจากไม่รู้จักวิธีที่จะทำให้เครือข่ายของตนเองมีความรักองค์กร เมื่อเกิดข้อเปรียบเทียบระหว่างคนอื่นๆที่ประสบความสำเร็จ ตนเองจึงเกิดความท้อถอย และเลิกล้มความตั้งใจในที่สุด
เราสังเกตจากคนที่เลิกทำธุรกิจ ส่วนใหญ่ชวนคนไม่ได้ หรือชวนคนได้แต่ไม่สามารถรักษาองค์กรของตนเองได้ เนื่องจากไม่รู้จักวิธีที่จะทำให้เครือข่ายของตนเองมีความรักองค์กร เมื่อเกิดข้อเปรียบเทียบระหว่างคนอื่นๆที่ประสบความสำเร็จ ตนเองจึงเกิดความท้อถอย และเลิกล้มความตั้งใจในที่สุด
ธุรกิจประเภทคนก๊อปปี้คนอย่างธุรกิจเครือข่าย มันมีความพิเศษตรงที่คนใต้องค์กร มักจะเลียนแบบการกระทำของเรา ถ้าเราเป็นนักสู้ คนใต้องค์กรก็จะเป็นนักสู้ ถ้าเราพูดเรื่องลบๆ คนใต้องค์กรก็จะพูดเรื่องลบๆ ถ้าเราขยัน คนใต้องค์กรก็จะขยันตาม ถ้าเราอ่านหนังสือเล่มไหน คนใต้องค์กรก็จะอ่านตาม ถ้าเราประสบความสำเร็จ คนใต้องค์กรมักจะประสบความสำเร็จไปพร้อมกันด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าหากคุณต้องการให้ดาวไลน์ หรือคนใต้องค์กรของคุณเก่ง คนๆแรกที่จะต้องเก่ง ก็คือตัวคุณเองนั่นแหละ ถ้าคุณไม่เป็นนักเรียนที่ดี คนใต้องค์กรก็ไม่มีทางเลียนแบบคุณ เนื่องจากธุรกิจสอนให้คุณ “เชื่อฟังอัพไลน์”
มหาลัยที่มีชื่อเสียง สามารถผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพได้เป็นจำนวนมาก การสอนดาวไลน์ ก็เช่นเดียวกัน “ธุรกิจเครือข่ายความสำเร็จอยู่ที่การสร้างคน” สร้างคนเก่ง คนเก่งในที่นี้คือการสอนให้เขารู้จักสอนคนในองค์กรของเขาอีกทีหนึ่ง เพื่อให้แต่ละคนสามารถสอนต่อกันได้เป็นทอดๆ
การที่คุณออกไปชักชวนคนอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่มีการสอนงาน นั่นหมายถึงคุณทำงาน 100% เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เต็ม 100% ซึ่งเป็นไปไม่ได้จนกว่าคุณจะเป็นซุปเปอร์แมน
ยอดขายเดือนละกว่าล้านบาท ถ้าคุณไม่สอนให้คนอื่นๆทำเป็น คุณอาจจะต้องนำผลิตภัณฑ์ไปขายให้ได้กว่าสี่ร้อยถึงห้าร้อยคนในหนึ่งเดือน แต่ถ้าคุณสอนให้คนใต้องค์กรที่ทำจริงเพียงห้าถึงหกคน พลังทวีคูณจะทำให้เครือข่ายของคุณสามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกได้เป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น หรืออาจเป็นแสนได้ในกรณีที่คุณตั้งใจจะทำธุรกิจในระยะยาวจริงๆ
จงเชื่อเถอะครับว่า คนทุกๆคนที่ไม่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อน ถ้าหากพวกเขาไม่รู้จักการเรียนรู้เพื่อนำเอาข้อมูลไปปรับใช้ในแต่ละสถานการณ์ คนเหล่านี้จะไม่สามารถสอน หรือพัฒนาให้ผู้อื่นเป็นคนเก่งได้ เว้นแต่จะมีคนเก่งไปเกิดภายใต้องค์กรของเขา เขาจึงประสบความสำเร็จได้ด้วยการลงมือทำ มิใช่การสอน
หากคุณสังเกตเห็นคนที่ประสบความสำเร็จในแวดวงนี้ คุณจะทราบดีว่าพวกเขาเป็นผู้พัฒนาตนเองอย่างมาก และสามารถถ่ายทอดวิชาที่พวกเขาได้เรียนมา ถามว่าเรียนมาจากไหน ก็เรียนมาจากสิ่งที่ธุรกิจเครือข่ายจัดเตรียมไว้ให้ไง…
สุดท้ายการเป็นนักเรียนที่ดี ก็จะทำให้เขาพัฒนาตนเองจนมีความเป็นมืออาชีพ จากการมีความหวัง จึงเปลี่ยนเป็นความเชื่อมั่น และเมื่อคนมีความเชื่อมั่นในเรื่องใด ความคิดขยายผลจะช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น เพราะฉะนั้นถ้าสมาชิกใต้องค์กรคุณประสบความสำเร็จ ตัวของคุณเองก็จะประสบความสำเร็จด้วย โดยมีข้อแม้ว่าวันนั้นคุณจะต้องไม่เลิกไปก่อน ^.^
ความเชื่อมั่นในตนเอง
“หากมีคน
100
บอกว่าเราทำไม่ได้หรอก แต่..ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็จะ “ทำได้”
แต่ถ้ามีคน 100 คนบอกว่าเราทำได้ แต่..เรากลับบอกตัวเองว่า
“ทำไม่ได้” เราก็ทำไม่ได้”
สาเหตุหนึ่งที่ฉุดรั้งผู้คนจากการประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่าย นั่นก็คือความเชื่อที่จำกัดตัวเรานั่นเอง
ซึ่งผมเคยพูดถึงหัวข้อนี้ไปก่อนหน้านี้แล้ว ในวันนี้ผมอยากจะพูดถึงที่มาของความเชื่อที่จำกัดตัวคุณ
ไม่ให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายว่าคืออะไร
แล้วคุณจะสามารถจัดการกับแหล่งที่มาของความเชื่อนี้อย่างไร
จึงจะทำให้คุณสามารถสร้างผลลัพธ์จากการทำธุรกิจเครือข่าย
หรือประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายได้ในแบบที่คุณต้องการได้
เช่นเดียวกับเรื่องของความเชื่อที่สร้างพลังให้กับคุณ
แหล่งที่มาของความเชื่อที่จำกัดตัวคุณนั้นมีที่มาจาก 3 แหล่ง นั่นก็คือ 1.จากการศึกษา 2.จากประสบการณ์ 3.จากสภาพแวดล้อม
ซึ่งผมจะพาคุณเจาะลึกเข้าไปดูว่าความเชื่อใด ที่จะจำกัดตัวคุณไว้
ไม่ให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายได้ในแบบที่คุณต้องการ
1.จากการศึกษา
ความเชื่อที่จำกัดตัวคุณที่ถูกสร้างมาจากการศึกษานั้นมีมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง
สู้ทำงานรับราชการมีเกียรติไม่ได้หรอก ซึ่งเมื่อคุณเกิดความเชื่อเหล่านี้
ถึงแม้ว่าคุณเองอยากจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่าย แต่คุณก็จะไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้เลยเพราะเมื่อคุณจะลงมือทำธุรกิจเครือข่ายอย่างจริงจังแบบ
100% คุณก็จะหยุดยั้งตัวเองจากการลงมือทำนั้น เพราะลึก ๆ
แล้วคุณมีความเชื่ออยู่ในตัวว่า การที่คุณทำธุรกิจนั้นมีความเสี่ยงสูง
และเมื่อคุณมีความเชื่อที่จำกัดตัวคุณเช่นนี้ คุณย่อมไม่สามารถลงมือทำแบบ 100%
ได้ ซึ่งผมเองก็เคยบอกแล้วว่าการลงมือทำที่จะได้รับผลลัพธ์
มีแต่ต้องทำแบบ 100% เพราะการลงมือทำ 99.99% หมายถึง 0% คือถ้าคุณไม่ทำเต็ม 100 คุณจะไม่มีวันได้รับผลลัพธ์กลับมาอย่างแน่นอน
2.จากประสบการณ์
ผมเชื่อว่าหลาย ๆ
คนที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจเครือข่ายมาแล้ว
ย่อมต้องเคยพบกับความล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการถูกลูกค้าปฏิเสธ ลูกค้าเบี้ยวนัด
ดาวไลน์ของคุณถอดใจและล้มเลิกทำธุรกิจไป
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อคุณเจอคุณก็จะเริ่มเชื่อมากขึ้น ๆ
และเมื่อความเชื่อนั้นมีมากขึ้น เมื่อคุณออกไปทำสิ่งเดิม ๆ เช่นออกไปพูดคุยกับลูกค้า
คุณก็จะเริ่มเชื่อลึก ๆ แล้วว่าพวกเขาอาจจะปฏิเสธคุณก็เป็นได้ หรือถ้าคุณมีทีมงาน
คุณก็อาจจะเชื่อว่า
พวกเขาคงจะกำลังลังเลและอาจจะตัดสินใจไม่ทำธุรกิจ
เช่นเดียวกันกับในประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณนั่นเอง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คุณควรจะรู้ว่า
ถ้าคุณไม่ขจัดความเชื่อเหล่านี้ออกไปให้ได้ คุณจะไม่มีทางประสบความสำเร็จ
และจะพบก็เพียงแต่ความล้มเหลวเท่านั้น
3.จากสภาพแวดล้อม
ผมอยากให้คุณลองจินตนาการดูว่า ถ้าคุณอยู่ในสังคมที่มีแต่การกินเหล้าเป็นเรื่องปกติเหมือนกินน้ำ เช่นต่างประเทศ คุณมีโอกาสที่จะคิดเช่นเดียวกับพวกเขาหรือไม่ ? แน่นอนคุณย่อมคิด เพราะทุก ๆคน ที่อยู่รอบตัวของคุณนั้นคิด นั่นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสภาพแวดล้อมต่อความเชื่อของคุณ แล้วลองคิดดูว่า ถ้าหากคุณเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่คิดว่าการทำธุรกิจเครือข่ายเป็นเรื่องของคนโง่ที่ถูกหลอกใช้ เป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ คุณก็มีโอกาสที่จะคิดเช่นนั้นได้เช่นเดียวกัน ถูกต้องหรือไม่ครับ ? ดังนั้นถ้าคุณอยู่กับคนกลุ่มใด คุณก็จะเป็นเช่นคนกลุ่มนั้น ทั้งแนวคิดของคุณ ความเชื่อของคุณ รวมทั้งการเป็นของคุณ
ผมอยากให้คุณลองจินตนาการดูว่า ถ้าคุณอยู่ในสังคมที่มีแต่การกินเหล้าเป็นเรื่องปกติเหมือนกินน้ำ เช่นต่างประเทศ คุณมีโอกาสที่จะคิดเช่นเดียวกับพวกเขาหรือไม่ ? แน่นอนคุณย่อมคิด เพราะทุก ๆคน ที่อยู่รอบตัวของคุณนั้นคิด นั่นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสภาพแวดล้อมต่อความเชื่อของคุณ แล้วลองคิดดูว่า ถ้าหากคุณเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่คิดว่าการทำธุรกิจเครือข่ายเป็นเรื่องของคนโง่ที่ถูกหลอกใช้ เป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ คุณก็มีโอกาสที่จะคิดเช่นนั้นได้เช่นเดียวกัน ถูกต้องหรือไม่ครับ ? ดังนั้นถ้าคุณอยู่กับคนกลุ่มใด คุณก็จะเป็นเช่นคนกลุ่มนั้น ทั้งแนวคิดของคุณ ความเชื่อของคุณ รวมทั้งการเป็นของคุณ
3 ที่มาที่ผมได้กล่าวไปจะทำให้คุณเกิดความเชื่อที่จะจำกัดตัวคุณไม่ให้ประสบความสำเร็จได้
ดังนั้นก่อนอื่นคุณจะต้องค้นหาให้เจอว่าความเชื่อที่จำกัดตัวคุณอยู่คืออะไร
และมีที่มาอย่างไร
ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างหนึ่งของบรรดาบุคคลที่ประสบความสำเร็จ
ไม่มีบุคคลสำคัญคนใดเลยที่ไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว
หากท่านปราศจากความเชื่อมั่นในตนเองแล้วท่านก็ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่ใหญ่โตได้
ลักษณะของคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเองจะมีพฤติกรรม กล่าวคือ กล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าคิด กล้าที่จะลงมือทำ มีความกล้าเสี่ยง ชอบริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งแปลกๆใหม่ๆ มีความเป็นผู้นำ เป็นต้น
สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง เราสามารถสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง ได้ดังนี้
1.ต้องรู้จักพึ่งตนเอง การพึ่งพาตนเอง การใช้ความสามารถของตนเองให้มากที่สุด จะทำให้เราสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างมากมาย คนที่ขาดการพึ่งพาตนเอง ได้แต่ขอความพึ่งพาจากผู้อื่น จะทำให้เกิดความอ่อนแอ อีกทั้งเป็นสิ่งที่ทำลายอนาคตของตนเอง
2.ต้องรู้จักนั่งแถวหน้า ในงานอบรม ในงานสัมมนา ในงานประชุมต่างๆ เราจะเห็นได้ว่าคนที่เป็นผู้นำหรือคนที่มีความมั่นใจในตนเองจะเป็นคนนั่งแถวหน้า แต่ในทางตรงกันข้าม บุคคลที่ขาดความมั่นใจจะรู้สึกมีความปลอดภัยโดยการนั่งแถวหลังๆ เพราะการนั่งแถวหน้า มักจะเป็นจุดเด่น เป็นเป้าสายตา อีกทั้งยังมีโอกาสถูกวิทยากรถามอีกด้วย
3.ต้องมีความกระตือรือร้น โดยฝึกเคลื่อนไหวร่างกายให้มีความกระฉับกระเฉง เดินให้เร็วกว่าปกติสัก 20-30 เปอร์เซ็นต์ ฝึกเดินยืดอก ยืดไหล่ หน้าเชิด อย่างคนที่มีความมั่นใจในตนเอง ถ้าท่านผู้อ่านลองไปสังเกตดู ในการเดินแต่ละรูปแบบ อารมณ์ของคนเราจะเปลี่ยนไป การเดินเร็วกว่าปกติจะทำให้ท่านมีอารมณ์ที่สดชื่น มีความมั่นใจในตนเอง แต่ตรงกันข้ามหากท่านเดินช้ากว่าปกติ อารมณ์ของท่านก็จะมีความรู้สึกที่ห่อเหี่ยว เฉื่อยชา
4.ต้องฝึกการพูดต่อหน้าที่ชุมชนและฝึกพูดแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม การฝึกพูดต่อหน้าที่ชุมชนและการฝึกแสดงความคิดเห็น จะทำให้เราเกิดความมั่นใจในตนเอง คนหลายคนมีศักยภาพ มีความสามารถ มีความคิดที่ดีเฉียบแหลม แต่ไม่กล้ายืนพูดต่อหน้าที่ชุมชนหรือแสดงความคิดเห็น ฉะนั้นหากท่านต้องการสร้างความมั่นใจในตนเอง ท่านต้องกล้าที่จะยืนพูดหรือกล้าแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะชน เมื่อท่านพูดบ่อยๆ ท่านก็จะมีความมั่นใจในตนเองมากยิ่งขึ้น
5. ต้องฝึกพูดบวกกับตัวเองบ่อยๆ ว่า “ฉันทำได้” “ ฉันสู้ตาย” ไม่ควรพูดกับตัวเองในทางลบ “ ฉันทำไม่ได้แน่” “ เรื่องนี้ยากเกินไป” “ไม่เอาแล้วไม่สู้แล้ว” การฝึกพูดบวกกับตัวเองบ่อยๆ จะช่วยให้ท่านเกิดความมั่นใจในตนเองยิ่งขึ้น และในทางกลับกัน เมื่อท่านพูดลบกับตัวเองบ่อยๆ ความมั่นใจในตนเองของท่านก็จะลดน้อยลง
6. ต้องฝึกสบสายตา คนที่มีความมั่นใจในตนเอง เวลาพูดเวลาสนทนากันเขามักจะกล้ามองตาผู้สนทนา แต่บุคคลที่ขาดความมั่นใจในตนเอง มักจะเป็นคนที่ลบสายตาในเวลาที่สนทนากัน การลบสายตามักจะทำให้ผู้สนทนาตีความหมายไปในทิศทางต่างๆ เช่น ผู้ลบสายตาเขากลัวอะไร , เขากำลังปิดบังอำพรางอะไรหรือไม่ , เขากำลังมีความลับอะไรบางอย่างหรือไม่ ฯลฯ
7.ต้องฝึกมองโลกในแง่ดี ฝึกยิ้มให้กว้าง ฝึกอารมณ์ให้เบิกบานแจ่มใส จะช่วยสร้างกำลังใจของท่านให้ดีขึ้น และทำให้เกิดความมั่นใจในตนเอง การฝึกยิ้มให้กว้างจนเห็นฟันจะดีกว่าการยิ้มแบบปิดปากหรือยิ้มแบบครึ่งๆ กลางๆ จากการศึกษาและสำรวจ บุคคลที่ยิ้มกว้างหรือยิ้มแบบเปิดเผยจะทำให้ท่านชนะความกลัวและเกิดความมั่นใจในตนเองขึ้น
ทั้งหมดข้างต้นนี้ เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการฝึกสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเอง หากท่านลองนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ท่านก็จะเกิดความมั่นใจในตนเองมากขึ้น จงฝึกเพื่อพัฒนาตนเอง ปรับปรุงตนเอง ท่านก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของท่าน
C = Commitment พันธะสัญญา
“สิ่งที่ยากที่สุดของการทำธุรกิจนี้
คือ ตัวเราเอง” การทำธุรกิจเครือข่ายก็เหมือนกับการเรียนในมหาวิทยาลัยเปิด
ที่ไม่มีใครคอยมาบังคับ มหาวิทยาลัยปล่อยให้นักศึกษาตัดสินใจเลือกเรียน
ได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกัน ธุรกิจเครือข่าย ก็ไม่ต้องมีการลงชื่อเข้างาน
ไม่มีหัวหน้าคอยมาควบคุม ดูแล ไม่มีกฎเกณฑ์ใดมาบังคับ
ฉะนั้นหากอยากประสบความสำเร็จเราต้องบังคับ ควบคุมตัวของเราเอง
“คนเราอาจจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่สามารถ
เลือกใช้ชีวิตได้ เลือกที่จะสำเร็จได้ด้วยตนเอง” ดังนั้นการเลือกทำธุรกิจเครือข่ายจึงต้องเลือกแนว
ทางสำเร็จด้วยตนเอง ตัดสินใจและลงมือทำด้วย ตนเอง และในการบริหารงานเครือข่าย
เราต้องมี พันธสัญญาต่อตัวเอง ไม่เลิกหรือท้อแท้ง่าย เราจะต้องอดทนทำจนกว่าเราจะประสบความสำเร็จ
จงมีความซื่อสัตย์ และมีจรรยาบรรณ และต้องมีพันธสัญญาต่อทีมงาน
ว่าเราจะช่วยคนอื่นให้มีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย เราจึงจะสำเร็จอย่างมั่นคง
“ไม่มีใครล้มเหลวในธุรกิจนี้
มีแต่ล้มเลิกไปก่อน”
D = Dream เป้าหมายหรือความใฝ่ฝัน
ความฝันของคุณเป็นอย่างไร คุณเคยฝันถึงสิ่งเหล่านี้บ้างไหม ?
- เป็นเจ้าของบ้านในฝัน….
– ขับรถคันหรูที่อยากได้….
– เดินทางท่องเที่ยวรอบโลก….
– มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น….
– มีอิสรภาพทางการเงิน….
– เป็นเจ้านายตัวเอง….
– และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกวัน..
แน่นอน !!! เราทุกคนเคยฝันถึงความสวยงามของชีวิต
เคยมีความหวัง เป้าหมาย แรงบันดาลใจ แต่ลองสังเกตดูตัวเองในตอนนี้
*** เรามีรายรับอย่างที่ควรจะได้รับหรือไม่
*** เรามีสิ่งที่เราเคยฝันเคยหวังแล้วหรือยัง
*** 5 ปีที่ผ่านมา
เราประสบความสำเร็จอย่างที่เราตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่
*** 5 ปีจากนี้ไป
เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อีกมากน้อยแค่ไหน
*** อีกเมื่อไหร่ เราจะรู้สึกถึงความสำเร็จในชีวิต
เราเคยประหลาดใจใช่ไหม
ทำไมคนอื่นจึงเงินรายได้ดี ร่ำรวยมีเงินมีทองกันจัง บ้านใหญ่โตอย่างน่าอิจฉา
ขับรถโก้หรูราคาแพง เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ช็อปปิ้งสบายๆ
เขาเหล่านี้ทำงานอะไร เขามีอะไรที่เราไม่มี โชคหรือเปล่า ถูกกฎหมายหรือเปล่า
หรือว่าเขาฉลาดกว่า หรือว่าเขาได้รับมรดก พวกเขามีความสุขไหม เขาต้องทำอะไรบ้าง
เพื่อที่จะประสบความสำเร็จแล้วมันคุ้มค่าหรือเปล่า เราตั้งคำถามกับตัวเองต่างๆ นาๆ
ใช่ไหม
อย่าเพียงแต่เฝ้าฝันถึงชีวิตที่สวยงาม
แต่จงสร้างฝันให้เป็นจริง
ความจริงมีอยู่ว่า…..
“76 % ของบุคคลที่ร่ำรวย
เป็นเจ้าของธุรกิจ” สร้างธุรกิจของตนเองไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งและ
ได้รับผลตอบแทนจากธุรกิจระยะยาวอย่างต่อเนื่อง และเขาเรียนรู้เคล็ดลับความสำเร็จบางอย่าง
ที่เราไม่เคยรู้
เขาแตกต่างจากคนทำงานประจำ
ที่ทุ่มเททำงานสร้าง ผลสำเร็จให้ผู้อื่น มุ่งมั่นตื่นแต่เช้าไปทำงาน
เป็นลูกจ้างให้ดีที่สุด ตอนเย็นกลับบ้านพักผ่อน เป้าหมายคือ สิ้นเดือนเงินเดือนออก
แล้วพบกับปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่าย เงินรายได้ไม่คุ้มค่า
จุดหมายปลายทางของชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แต่สามารถเปลี่ยนได้ เพราะคุณสามารถลิขิตชีวิตของคุณได้
ไม่มีใครมาลิขิตชีวิตคุณได้
คำถามก็คือ…
งานที่คุณทำอยู่ขณะนี้ หรือถ้าวันนี้
คุณกำลังมองหาธุรกิจ และคุณยังไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไรที่จะทำให้เป้าหมายหรือความฝันเป็นจริงได้
ผมขอแนะนำให้คุณลองศึกษาและตัดสินใจทำธุรกิจเครือข่ายดูซักครั้ง....นี่คือ โอกาส
ข้อดีของธุรกิจเครือข่าย
1. ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน
ไม่ต้องคำนึงถึงทำเลที่ตั้ง ไม่ต้องมีลูกจ้าง
2. สามารถเริ่มต้นได้ง่าย
ใช้เงินลงทุนน้อย สามารถเริ่มธุรกิจจากการใช้เวลาว่าง
ทำเป็นงานเสริมควบคู่ไปกับงานประจำได้
3. สร้างความมั่นคงให้กับชีวิต
4. เป็นธุรกิจที่ผ่อนแรง
วางมือได้
5. ร่นระยะเวลาของความสำเร็จ
รวยเร็ว
6.
เป็นงานที่ยืดหยุ่นไม่มีกำหนดระยะเวลา ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความตั้งใจ
7. เครือข่ายเป็นทรัพย์สิน
ที่สร้างตัวเองให้เพิ่มพูนขึ้นได้ด้วยตัวเองตลอดเวลา
8.
มีอิสรภาพทางการเงินและเวลาที่ปรารถนา
9. เป็นมรดกตกทอดให้ ลูก หลาน
ได้
10.
ได้รู้จักร่วมงานกับผู้คนจำนวนมาก หลากหลายอาชีพ
11. เป็นธุรกิจแห่งการแบ่งปัน
แบ่งปันโอกาสดีดีให้แก่ผู้คน
12.
มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศ
คุณต้องรู้แล้วว่าความใฝ่ฝันในชีวิตของคุณคืออะไร
เพราะนั่นคือแรงบันดาลใจที่จะทำให้การทำธุรกิจเครือข่ายของเราประสบความสำเร็จ
เมื่อยามที่เราท้อแท้เราเหนื่อยเราจะได้หยิบขึ้นมาอ่าน “อย่าเจ็บแล้วต้องทิ้งฝัน”
และ “อย่าให้ใครมาขโมยความฝันเราไป”
ฉะนั้นเราจะต้องคอยตรวจสอบทบทวนเป้าหมายและความใฝ่ฝันของเราอยู่ตลอด หรือถ้าคุณยังไม่รู้ว่าเป้าหมายชีวิตหรือความใฝ่ฝันของคุณคืออะไรกันแน่
ในบทต่อไป ผมได้บอกวิธีไว้แล้วครับ
@@@@@@@
ทำความเข้าใจต่อกับ "ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย"
เยี่ยมยอดครับ เป็นแนวคิดที่นำไปใช้ได้กับทุกคนที่ต้องการความสำเร็จ ตามที่ตนต้องการ
ตอบลบ