วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การตั้งเป้าหมาย

การตั้งเป้าหมายและสร้างแรงจูงใจ
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตคนเรามีความก้าวหน้าคือ
"การตั้งเป้าหมาย" เพราะเป้าหมายเปรียบเสมือนแสงเลเซอร์ที่จะนำทางเราไปสู่สิ่งที่เรา "ต้องการจะเป็น" หรือ "ต้องการจะมีได้" ถ้าใครคิดว่าเป้าหมายไม่สำคัญ ลองนึกดูนะครับว่าถ้ากีฬาฟุตบอลไม่มีเสาประตูแล้ว เกมส์การแข่งขันจะเป็นอย่างไร พฤติกรรมการเล่นของผู้เล่นในแต่ละทีมจะเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าผู้เล่นแต่ละคนคงจะต้องเลี้ยงลูกไปมาหาที่ยิงประตูไม่ได้อย่างแน่นอน ใครก็ตามที่ยังไม่มีเป้าหมายในชีวิตคงไม่แตกต่างอะไรไปจากการเล่นฟุตบอลที่ไม่มีเสาประตู ชีวิตจะลอยไปลอยมาหาเป้าไม่เจอ ชีวิตการทำงานแต่ละวันจะบอกไม่ได้ว่าทำไปทำไม งานที่ทำวันนี้มีประโยชน์อะไรต่อชีวิตในวันข้างหน้า โอกาสที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆอาจจะมีน้อยลงกว่าคนที่มีเป้าหมายในชีวิต
เพราะคนที่มีเป้าหมายในชีวิต เขาจะทราบได้ทันทีว่าการทำงานในแต่ละวันนั้น จะต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรใส่กระเป๋าบ้าง แน่นอนว่าประสบการณ์ที่จะเก็บใส่กระเป๋าคือประสบการณ์ที่สอดคล้องหรือสนับสนุนเป้าหมายชีวิตนั่นเอง
ถึงแม้เราจะมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าขาดแรงขับเคลื่อนหรือที่เราเรียกกันว่า "แรงจูงใจ" แล้วละก้อ ผมคิดว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ก็ไม่มีความหมายอะไรมากมายนัก คนหลายคนมีเป้าหมายจะเก็บเงิน คนบางคนมีเป้าหมายจะเติบก้าวหน้าในอาชีพ คนบางคนมีเป้าหมายจะมีชื่อเสียงทางสังคม คนบางคนมีเป้าหมายในการศึกษาต่อ ฯลฯ แต่ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้นั้น ถ้าไปถึงจุดนั้นแล้วจะได้อะไร ไม่มีอะไรมีผูกมัดหรือไม่ว่าทำไมจะต้องไปให้ถึง ถ้าไปไม่ถึงเป้าหมายจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ถ้ามีใครมาบอกเราว่าขอให้เรากระโดดข้ามหน้าผาที่สูงชันซึ่งหน้าผานี้มีความกว้าง 2 เมตร สูงหลายสิบเมตร ถ้าตกลงไปรับรองไม่ต้องนำไปโรงพยาบาล สามารถนำไปวัดได้เลย เขาบอกให้เรากระโดดโดยที่ไม่มีสินจ้างรางวัลใดๆทั้งสิ้น ลองคิดดูซิครับว่าเราจะกล้ากระโดดหรือไม่ ผมคิดว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่คิดในใจว่า "กระโดดไปทำไม" ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา ถ้าเขาบอกเราต่อไปอีกว่า ถ้าใครกล้ากระโดด เขาจะให้รางวัลเป็นเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท ผมเชื่อว่าอาจจะมีคนบางคนกล้าที่จะกระโดด เพราะแรงจูงใจที่เป็นตัวเงิน 1 ล้านบาทอาจจะมีน้ำหนักเพียงพอสำหรับการกระโดดของคนบางคน โดยเฉพาะคนที่เป็นหนี้สินรุงรัง เจ้าหนี้มาทวงทุกวัน แต่คนส่วนใหญ่อาจจะยังคงไม่กล้ากระโดดอยู่ดีเพราะคิดแล้วมันไม่คุ้มค่าถ้าโชคไม่ดีอาจจะตกลงไปเสียชีวิต
ถ้าเขาบอกเราต่อว่า สมมติว่าคนที่เรารักมากที่สุดในชีวิตนี้ อาจจะเป็น พ่อแม่ คนรัก หรือลูกของเรายืนอยู่อีกฟากหนึ่งของหน้าผา และกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าเราไม่กระโดดข้ามไปช่วยภายใน 1 นาที คนที่เรารักมากที่สุดคนนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต และถามเราต่อว่าเรากล้ากระโดดข้ามช่องว่างของหน้าผานี้หรือไม่ ผมเชื่อเหลือเกินว่าคนส่วนมากหรือเกือบทั้งหมดจะตอบว่า "กล้า" กระโดดข้ามหน้าผานี้

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เหตุผลสำคัญก็คือ แรงขับเคลื่อนที่สำคัญของชีวิตคนต้องประกอบไปด้วย “เป้าหมายบวกกับแรงจูงใจ” ถ้ามีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว คนจะไม่กระตือรือร้นที่จะไปให้ถึง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแรงจูงใจ เพราะแรงจูงใจคือเชื้อเพลิงที่จะขับเคลื่อนชีวิต ในขณะที่เป้าหมายคือทิศทางที่เราจะขับเคลื่อนชีวิตของเราไปในทิศทางที่ต้องการ ถ้าต้องการให้ชีวิตมีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จดีกว่า เร็วกว่าคนอื่นๆ ผมแนะนำให้ลองกำหนดเป้าหมายและสร้างแรงจูงใจในชีวิตดังนี้
การกำหนดเป้าหมาย
เราควรจะกำหนดเป้าหมายชีวิตให้ชัดเจนว่าอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า เราต้องการจะ "เป็นอะไร" "มีอะไร" "มากน้อยเพียงใด" และควรจะมีการทบทวนเป้าหมายเป็นระยะๆ เช่น ทุก 6 เดือนหรือทุก 1 ปี เพราะเป้าหมายคือจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์และสิ่งที่เราจะต้องทำการกำหนดเป้าหมายจะต้องมีความท้าทาย ไม่ใช่ง่ายหรือยากจนเกินไป เพราะเป้าหมายที่ท้าทายนอกจากจะมีความหมายต่อพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเราแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งความภูมิใจในอนาคตด้วยหลังจากที่เราบรรลุหรือถึงแม้จะไม่บรรลุเป้าหมายก็ตาม ถ้าเป้าหมายของเราง่ายจนเกินไป เมื่อเราบรรลุเป้าหมายแล้ว เราจะไม่มีความภูมิใจอะไรหลงเหลืออยู่เลย เช่น ถ้ามีใครมาบอกเราว่าถ้ามีเวลาให้เรา 1 ปีในการฝึกซ้อมเพื่อไปวิ่งแข่ง 100 เมตร โดยให้เราเลือกว่าเราจะวิ่งแข่งกับแชมป์โอลิมปิกหรือแชมป์นักเรียนอนุบาล เราคิดว่าเราจะเลือกไปวิ่งแข่งกับใคร แน่นอนทุกคนคงจะเลือกที่จะวิ่งแข่งกับแชมป์โอลิมปิกอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะแพ้ก็ยังมีความภาคภูมิใจกว่าชนะเด็กอนุบาล

สร้างแรงจูงใจ

ในระยะสั้นเราอาจจะสร้างแรงจูงใจโดยใช้ปัจจัยภายนอกก่อนก็ได้ เช่น ขยันทำงานเพราะต้องการเงิน เพราะต้องการความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน แรงจูงใจภายนอกจะเป็นแรงจูงใจในระยะสั้นได้ค่อนข้างดี แต่แรงจูงใจนี้จะไม่จีรังยั่งยืน มันจะลดระดับความรุนแรงลงเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ต้องดูอื่นไกลให้ดูว่าเวลามีการปรับเงินเดือนประจำปี คนจะมีไฟในการทำงานเพียงเดือนสองเดือนที่ได้เงินเดือนใหม่ พอเวลาผ่านไปหลายๆเดือนเงินเดือนใหม่ที่ได้ไม่ถือเป็นแรงจูงใจอีกต่อไป แรงจูงใจที่จะอยู่กับเรานานและพลังงานไม่มีวันหมดคือแรงจูงใจที่เกิดขึ้นเองภายใน เช่น แรงจูงใจที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตที่เกิดจากแรงบันดาลใจบางสิ่งบางอย่าง คนบางคนแรงจูงใจอยู่ที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ คนบางคนมีแรงจูงใจที่เกิดจากความยากลำบากในชีวิต

สรุป การที่เราจะนำพาชีวิตไปขึ้นแท่นแห่งความสำเร็จนั้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่เราได้กำหนดเป้าหมายชีวิตได้ถูกต้องและชัดเจนมากน้อยเพียงใด เป้าหมายมีความท้าทายหรือไม่ นอกจากนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างพลังงานขับเคลื่อนชีวิตไปสู่เป้าหมายโดยการสร้างแรงจูงใจทั้งแรงจูงใจภายนอกและแรงจูงใจภายใน ถ้าต้องการเพิ่มระดับความแรงของแรงจูงใจขึ้นไปอีก อาจจะต้องสร้างพันธสัญญาโดยการบอกับคนรอบข้างว่าเป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร เพราะพันธสัญญานี้คือแรงจูงใจ(เชิงบังคับ) ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เราลด ละ หรือเลิกล้มความตั้งใจที่จะไปสู่เป้าหมายที่ได้ให้สัญญาไว้ได้นะครับ

"สูตรความสำเร็จของชีวิต = ความท้าทายของเป้าหมาย x ระดับแรงจูงใจ"

3 ขั้นตอนในการ ค้นหาเป้าหมายชีวิต เพื่อเต็มที่กับชีวิตที่มากกว่า
ขั้นที่ 1 ถามคำถามเพื่อค้นหาตัวเองสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆในขณะนี้
หากคุณมีเงินเยอะมากๆที่ใช้ยังไงก็ไม่หมด คุณจะตอบคำถามคำถามเหล่านี้กับตัวเองอย่างไร
  • คุณจะใช้เวลาของตัวเองอย่างไร?
  • วันที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตของคุณเป็นอย่างไร? เขียนอธิบายโดยละเอียด
  • คุณรักที่จะทำอะไร?
ขั้นที่ 2 ถามคำถาม เพื่อค้นหาความต้องการของเด็กคนนั้นที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ ซึ่งคุณอาจจะลืมเด็กคนนั้นไปแล้วก็ได้
ลองย้อนหลังกลับไปดูอดีตของตัวคุณเองในวัยเด็กบ้าง วัยที่ตัวคุณมีอิสระภาพทางความคิด ความรู้สึก และความสุขอย่างไรขีดจำกัด ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในทุกๆด้าน  คุณจะตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเองอย่างไร
  • อะไรที่ทำให้เด็กอย่างคุณ มีความสุขมากที่สุดในโลก?
  • อะไรที่คุณชอบทำ เมื่อใดที่คุณได้ทำในสิ่งนี้คุณจะรู้สึกมีความสุขจนทำให้คุณลืมเรื่องเวลาไปเลย ว่าคุณใช้เวลาไปกับมันนานแค่ไหนแล้ว?
  • อะไรที่คุณชอบทำมาก แต่มักจะถูกห้ามหรือถูกทำให้เปลี่ยนใจโดยครอบครัวของคุณ?
ขั้นที่ 3 ร้อยเรียงวัตถุประสงค์ของชีวิตคุณ
พิจารณาคำตอบที่คุณได้รับจากตัวเองในขณะนี้ เปรียบเที่ยบกับวัยเด็ก โดยปราศจากข้อจำกัดต่างๆ และปราศจากการชักจูงจากคนรอบข้างแล้ว จริงๆแล้วคุณต้องการอะไรในชีวิต และอะไรที่ทำให้คุณมีความสุขที่แท้จริง แล้วทำการเชื่อมโยงกันเพื่อหาเป้าหมายและความต้องการที่แท้จริงของตัวคุณเอง แล้วถามคำถามเพื่อทำมันให้เป็นจริง คือ
  • ทำอย่างไรคุณจะสามารถทำเป้าหมายหรือความต้องการในชีวิตให้เป็นจริงได้?
  • การทำความต้องการในชีวิตของคุณให้เป็นจริงได้ต้องใช้ทักษะอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง?
  • คุณสามารถเชื่อมโยงอาชีพที่ทำอยู่ กับเป้าหมายในชีวิตของคุณได้อย่างไรบ้าง? เป็นคำถามที่สำคัญมากๆ
  • คุณวางแผนจากวันนี้ที่คุณเป็น ไปถึงวันที่คุณสามารถทำสิ่งที่ชีวิตคุณต้องการได้อย่างไร?
ถ้าคุณค้นพบความต้องการ และเป้าหมายชีวิตคุณเจอ วางแผน เริ่มลงมือใช้ทุกวันทำให้มันเป็นจริง คุณจะพบพลังและความสุขเพิ่มขึ้นอย่างมาก คุณจะอยากตื่นแต่เช้าเพื่อทำสิ่งที่คุณต้องการ คุณอยากที่จะใช้เวลากับคนที่คุณรัก คุณจะเต็มที่กับชีวิตได้ทุกเมื่อเลยครับ

งั้นเรามาวางแผนกันมั้ยครับ?
 หยิบกระดาษมา 2 แผ่น แผ่นแรกจรดปากกาลงไปว่า
"ใน 1 ปีนับจากนี้ อะไรคือ 10 อย่างที่ฉันอยากได้ อยากไป อยากเป็น อยากแบ่งปัน?”
พอเขียนเสร็จแล้ว ถามตัวเองต่อว่า
แล้วไอ้ 10 อย่างที่เขียนลงไป อะไรคือ 1 อย่างที่ถ้าสำเร็จ มันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตฉันได้มากที่สุด?”

กระดาษแผ่นที่ 2 ให้เขียนเป้าหมาย 1 อย่างที่สำคัญที่สุดนี้ลงไปเป็นหัวข้อของกระดาษแผ่นนี้
จากนั้นระดมความคิดกับตัวเองว่า
มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ฉันให้ได้เป้าหมายนี้มาครอบครอง?” 
คิดแล้วเขียนลงไปในกระดาษแผ่น ให้เยอะวิธีที่สุดเท่านี้จะนึกออก
จากนั้นให้เลือกมา 1 วิธีที่เริ่มลงมือทำ "ทันที" ได้เลย

เอาเป้าหมายนั้นติดข้างฝาไว้ ทำทุกวัน ทุกวิถีทาง ทำไม่ดี ก็แก้ไข ทำไม่ได้ ก็เปลี่ยนวิธี
ทำจนเป้าหมายนั้นเป็นจริง แล้วจัดการกับเป้าหมายที่เหลือต่อไป
ผมรับประกันว่า พอครบ 1 ปี เป้าหมายคุณจะเป็นจริงอย่างน้อยๆ 8 ข้อ
เพราะผมก็ทำแบบนี้ และมันก็เป็นจริงทุกครั้ง

กระโดดขึ้นที่นั่งคนขับ จับพวงมาลัยชีวิต
ควบไปสู่เป้าหมาย เป้าหมายที่มีพิมพ์เขียวไว้แล้วว่า มันหน้าตาแบบไหน
ทำทันที ทำทุกวัน 
ไม่ช้าไม่นาน ฝันนั้นจะเป็นของเรา
 Cr.วิสูตร แสงอรุณเลิศ (บอย) Cr.วิสูตร แสงอรุณเลิศ (บอย)
@@@@@@@@@@



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น