คำถามแล้ว…ทำไมต้องธุรกิจเครือข่าย ?
หรือเพราะ........
1.ธุรกิจแบบปกติ
ไม่ได้ทำให้เรารวย ใช่ไหม?
2.งานประจำ
ไม่ได้ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น หรือเปล่า?
ถ้าเราลองนึกถึงเพื่อนของเรา
หรือคนรอบข้างที่เคยพูดคุยกับเรา แบ่งปันประสบการณ์ ความคิดเห็น ความฝัน
ว่าเขาจะทำธุรกิจส่วนตัวในอนาคต พวกเขาเหล่านั้นอาจจะมีเหตุผลส่วนตัวบางอย่างที่นำพาเขาไปสู่การทำธุรกิจส่วนตัว
เช่น อยากเพิ่มรายได้เพื่อแต่งงานสร้างครอบครัว อยากมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง
อยากยกฐานะทางสังคม อยากสร้างความท้าทายให้กับชีวิต
หรืออยากมีเงินมีทองให้พ่อแม่ใช้สอยอย่างสุขสบาย
ทั้งนี้พวกเขามีบางสิ่งที่เหมือนกัน
นั่นคือ พวกเขาต้องการประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตนตั้งไว้ โดยใช้การทำธุรกิจส่วนตัวเป็นเครื่องมือ เขาจะมีทางเลือกที่จะทำธุรกิจอยู่ 4 รูปแบบ ที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือเคยอ่านหนังสือ "ชุดพ่อรวยสอนลูก" แต่มีเล่มที่ 2 "เงินสี่ด้าน" ที่พูดถึงงานสี่ประเภท
ฉะนั้น ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจคร่าวๆเกี่ยวกับ ทฤาฏี "เงินสี่ด้าน" กันก่อนนะครับ หนังสือ ชุดพอรวยสอนลูก เล่มที่ 2 "Cashflow Quadrant" หรือ "เงินสี่ด้าน" ของ Robert T. Kiyosaki ได้กล่าวไว้ว่า คนในโลกแบ่งตามที่มาของรายได้ที่เขาได้รับออกเป็น 4 ด้านคือ
E (Employee) – ลูกจ้าง
ทำงานเพื่อรับค่าตอบแทนหรือค่าจ้าง
ขาดอิสระในการทำงาน ต้องเข้าออกงานตามเวลา อัตราค่าจ้างขึ้นอยู่กับนายจ้างกำหนด
ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงาน, วุฒิการศึกษา, ความสามารถและผลงานที่ปรากฏและเข้าตานายจ้าง หากตกงานก็กลับไปอยู่ที่ศูนย์ และยังวนเวียนอยู่ในวงจรหนี้สินอีกมากมาย
อันนี้ ผมผ่านจุดนี้มา 23 ปีครับ
S (Self-employed) – ทำธุรกิจส่วนตัว
การจ้างตัวเองเพื่อทำงานแลกกับรายรับ
เหมือนซื้อเวลาของตัวเองมาทำธุรกิจ สามารถบริหารทุกอย่างด้วยตัวเอง คิดเอง
วางแผนทุกอย่างได้เอง ถือว่ามีอิสระแต่ขาดอิสรภาพ เพราะหากหยุดทำก็ขาดรายได้
ความเสี่ยงในธุรกิจอาจจะสูง คู่แข่งเยอะ ทำเล ตัวสินค้า ความชำนาญของผู้ลงทุนและแนวโน้มของตลาดมีผลต่อการอยู่รอดของธุรกิจ ปัจจุบัน อยู่ในจุดนี้ 5 ปีแล้วครับ
B (Business Owner) – ผู้ประกอบการ
ต้องมีเงินลงทุนเยอะ จ้างคนอื่นๆมาทำงานแทน มีอิสระและอิสรภาพเพิ่ม
I (Investor) – นักลงทุน
รายได้มาจากการลงทุน
ใช้เงินทำงานแทน ไม่จำเป็นต้องทำงาน
มองผลตอบแทนจากการปันผลจากการลงทุนจากหุ้น ตราสารหนี้ พันธบัตร
รายได้จากการดอกเบี้ยและรายได้อื่นๆ อาทิ ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ ค่าลิขสิทธิ์
เป็นต้น แต่ผู้ลงทุนต้องอาศัยความรู้และความชำนาญและมีประสบการณ์ในการลงทุนเยอะ
คนที่จะประสบความสำเร็จคือ
ผู้ประกอบการ B(Business Owner)และนักลงทุน I(Investor) ที่มีระบบทำงานแทนได้
ดังนั้นคนที่ทำงานประจำ
จะทำให้ตัวเองร่ำรวยได้นั้นยากมาก เพราะต้องสร้างหนี้ ถึงจะได้มาซึ่งทรัพย์สิน
ไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในชีวิต
ถ้าต้องการประสบความสำเร็จต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งธุรกิจก็มี 2 ประเภทด้วยกัน คือ
1.
รวยแล้วแต่หยุดทำไม่ได้
ยังต้องทำต่อไปเรื่อยๆ
2.
รวยแล้วพักได้
ให้เงินทำงานแทนและมีรายได้เข้ามาตลอด
ยกตัวอย่างพวกที่เป็นเจ้าของธุรกิจ
เช่น
* กิจการใหญ่ เช่น CP,
AIS, True, Dtac เป็นต้น
* เจ้าของแฟรนไชส์
เช่น 7-11, starbuck, amazon เป็นต้น
* ธุรกิจเครือข่าย Network marketing
ในที่นี้เราจะมาพูดถึงธุรกิจเครือข่ายและการตลาดเครือข่ายกันดีกว่านะครับ
เพราะทุกคนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้
เพราะใช้เงินลงทุนค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ
และธุรกิจเครือข่ายนั้นผู้ลงทุนสามารถทำงานได้ง่าย
เพราะมีแบบแผนและรูปแบบการทำให้วางไว้ให้ชัดเจน
มีที่ปรึกษาและผู้ประสบความสำเร็จสอนงานและทำงานให้ดู เปรียบเสมือนมีโรงเรียนที่มีครูสอนเราทุกอย่างและมีสื่อการเรียนการสอนให้
สามารถมองเห็นผลลัพธ์จากการทำงานและมีความเสี่ยงไม่มาก
คนรวยต่างแสวงหาและสร้างเครือข่าย
ตรงกันข้ามนั้นผู้คนส่วนใหญ่กำลังก้มหน้าก้มตาหางานทำ ถึงแม้คุณจะเก่งขนาดไหน มีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ
มีสินค้าที่โดดเด่นและยอดเยี่ยมขนาดไหน
แต่ก็มีเพียงเส้นทางเดียวที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ
นั่นก็คือการใช้ตลาดเครือข่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าของคุณให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเป็นที่ยอมรับในตัวสินค้านั้นๆ
จุดเด่นของธุรกิจเครือข่าย (Networking System)
1. Win - Win Business (ธุรกิจที่ชนะ-ชนะ)
คือเมื่อคนที่คุณแนะนำธุรกิจหรือ sponsor เข้ามาในธุรกิจ ทำงานสำเร็จบรรลุเป้าหมาย
คุณในฐานะผู้แนะนำก็จะสำเร็จไปด้วยนั่นเอง
2. No - Risk Business (ธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง)
ธุรกิจเครือข่ายใช้เงินลงทุนต่ำเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ
แต่ใช้ผู้คนจำนวนมากในการทำงาน ซึ่งอาจใช้เวลา
แต่คุณลดต้นทุนลงได้มากเพราะคุณไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนค่า ที่ดิน
อาคารสถานที่ ค่าวัสดุอุปกรณ์ เป็นต้น
แต่ผลตอบแทนได้มาจากทรัพย์สินที่มีการลงบันทึกข้อตกลงและรับผลประโยชน์ร่วมกัน
ซึ่งผลตอบแทนนี้จะได้มาจากผลรวมของทั้งเครือข่าย ที่เรียกว่า Passive
Income (รายได้ที่ไม่ต้องลงแรงด้วยตนเอง แม้ว่าคุณจะหยุดทำงาน
แต่รายได้ ของคุณยัง เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดเวลา)
3. เป็นธุรกิจที่ท่านสามารถเลือกเวลาทำงานตามใจปรารถนา
เป็นนายตัวเอง มีอิสรภาพทางด้านเวลา(Time Freedom)
เป็นนายตัวเอง มีอิสรภาพทางด้านเวลา(Time Freedom)
4. เป็นธุรกิจที่กำลังอยู่ในความสนใจของคนทั่วโลก
เพราะสามารถทำงานได้จากที่บ้านและทุกที่ทั่วโลก ซึ่งทำให้คุณมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น (Home Based Business)
เพราะสามารถทำงานได้จากที่บ้านและทุกที่ทั่วโลก ซึ่งทำให้คุณมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น (Home Based Business)
5.เป็นระบบที่ให้โอกาสให้คุณได้ร่วมงานกับคนหลากอาชีพหลายประสบการณ์ และมีวัฒนธรรมแตกต่าง (Multi
Experience - Multi Profession - Multi culture) ทุกคนเท่าเทียมกัน
ไม่มีใครเป็นเจ้านาย เป็นลูกน้อง โดยที่ทุกคนเป็นสมาชิกอิสระ(Distributor)ในระบบธุรกิจที่มีการถ่ายทอดความรู้ในวิชาชีพ ความรู้ในผลิตภัณฑ์
จิตวิญญาณปลุกพลังแห่งความสำเร็จ ลงไปเรื่อยๆเป็นชั้นๆ ต่อๆกันไป แบบไม่รู้จบ
6.เป็นธุรกิจที่ต่อเชื่อมคุณเข้ากับธุรกิจระดับโลก
โดยที่คุณไม่ต้องมาสร้างระบบใหม่ด้วยตัวเอง แค่ปฏิบัติตามแบบแผนธุรกิจ
(Business - format) ที่วางไว้อย่างดีเป็นแบบเดียวกันทั่วโลก
(บางคนเรียกว่าเครือข่ายของแฟรนไชส์ระดับเล็กๆ หรือระดับบุคคลมาผูกโยงเชื่อมกัน (Network
of Micro or Personal Franchisee) แต่ไม่ต้องจ่ายค่ารอยัลตี้ (Royalty
fee)
7.เป็นระบบธุรกิจเดียวที่มีผลกำไรงอกเงยขึ้นตลอดเวลา
ตลอด 24 ชั่วโมง/วัน ตลอด 365 วัน/ปี แม้คุณจะหยุดพักผ่อน เพราะเวลาทำงานภายในเครือข่ายของท่านอาจอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง
ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านนอนหลับหรือกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านหยุดพักร้อน
8. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่ให้ผลงานแห่งความพากเพียรของท่าน
เพียงทำงานวันละ 2 ชั่วโมง
ก็สามารถทวีคูณไปเป็นวันละหลายชั่วโมงได้ ซึ่งแปรผันตามความใหญของเครือข่ายและเมื่อท่านสามารถสร้างสินทรัพย์
(People
Assets) เครือข่ายอย่างมีคุณภาพ ท่านก็สามารถทำงานเต็มที่เพียง 3
- 5 ปี เพื่อรับบำนาญติดต่อกันไปตลอดชีวิต
หากท่านเป็นลูกจ้าง (Employee) มีรายได้จากเงินเดือนเป็นหลัก คุณอาจต้องทำงานถึง 35 ปี (จากอายุ 25-60 ปี) เพื่อรอกินเงินบำนาญเพียงเล็กน้อย 5-15 ปี
(หลังเกษียณอายุ) หากท่านเริ่มงานด้วยเงินเดือนเริ่มต้นเดือนละ 7,000 บาทและถ้าเงินเดือนของท่านได้รับการปรับเพิ่มทุกๆปี ปีละ 5-10% เมื่อทำงานติดต่อกันถึง 35 ปี
คุณจะได้รับเงินจากผลงานทั้งชีวิต (420เดือน) รวมประมาณ 7ล้านบาท แต่ท่านทราบไหม? ว่า เงิน 7 ล้านบาทนี้ ท่านอาจสร้างขึ้นได้จากธุรกิจระบบเครือข่าย
(หากธุรกิจนั้นมีครบด้วยองค์ 7 คือ บริษัทมั่นคง, ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี, แผนธุรกิจดี, แนวโน้มเศรษฐกิจเอื้ออำนวย, อยู่ในเวลาและโอกาสอันเหมาะสม, ทีมงานที่ช่วยเหลือ, ผู้บริหารที่มีความสามารถ)
ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปีหรือไม่ถึง 5 ปี ดังนั้นวันเกษียณอายุของคุณเพื่อรับบำนาญหลังจากนี้ก็ไม่เกิน 5 ปี
**เมื่อเพื่อนๆได้รู้ข้อดีของธุรกิจเครือข่ายและเข้าใจ
ทั้งหมดแล้ว คงคิดในทางที่ดีกับธุรกิจเครือข่ายและพร้อมที่จะเรียนรู้ต่อไป เราไปหาธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ดีๆทำกันได้เลยครับ
โอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่การตัดสินใจเลือกทางเดินของคุณ
ในทุกๆ เช้า ของวันใหม่ที่เราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรายังต้องดำเนินชีวิตในรูปแบบที่
เหมือนๆกับทุกๆวันที่ผ่านมา คือต้องตื่นแต่เช้า ออกจากบ้าน ผจญกับปัญหาจราจร เพื่อไปให้ทันเข้างาน
ตอกบัตรเข้าทำงาน แล้วก็ทำงานตามภาระรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย พบเจอกับความเครียดต่างๆในการทำงาน
ตอนเย็นเลิกงาน ตอกบัตรออก ผจญกับปัญหาจราจรอีกครั้ง กลับถึงบ้าน แล้วก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
และเตรียมพบกับวันใหม่ที่ดำเนินชีวิตในรูปแบบเดิมๆ เป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน เราเคยสังเกตบ้างหรือไม่เราทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออะไร?
เพื่อที่จะให้สามารถดำรงชีวิตผ่านไปได้วันๆหนึ่งเท่านั้นเองหรือ
? เราต้องการชีวิตที่เป็นแบบนี้จริงๆหรือ ? ผมเชื่อมั่นว่าคนเราทุกคนมีความฝัน
อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน แล้วทำไมไม่ลองหาทางที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปสู่รูปแบบของการใช้ชีวิตแบบ
ใหม่ในแบบที่คุณอยากเป็น
!
@@@@@@@@@@@@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น