1. กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดเวลา
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ดี
ทุกคนก็รู้ แต่ก็มีน้อยคนที่จะยอมเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง
เพราะความกลัวในเรื่องต่างๆ เช่นกลัวล้มเหลว, กลัวถูกปฏิเสธ และ
กลัวเสียหาย เป็นต้น ทำให้เลือกที่จะอยู่ในพื้นที่แห่งความคุ้นเคย (Comfort
Zone) จึงเท่ากับย่ำอยู่กับที่ไม่มีความก้าวหน้าในงานเลย
ดังนั้นเราต้องกล้าที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำในสิ่งที่ยากขึ้นเรื่อยๆ
โดยคิดว่าถ้าหากไม่สำเร็จก็จะได้ประสบการณ์ชีวิตเองจะทำให้เรากล้าทำมากขึ้นครับ
2. มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน
การจะประสบความสำเร็จ
จะต้องกล้าที่จะตั้งเป้าหมายแล้วควรจะชัดเจนด้วย เพราะถ้าเราไม่มีเป้าหมาย
ชีวิตของเราก็คงเดินไปเรื่อยๆ ไม่ถึงไหนซักที เพราะเมื่อมีเป้าหมาย
เมื่อเราทำถึงแล้วจะได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นไปอีก
เราจะได้ประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เป้าหมายในงานก็เช่นเดียวกันหลายคนไม่ค่อยได้ตั้งเป้าหมายว่าเราจะทำอะไรบ้าง ในแต่ละช่วงเวลาหนึ่งๆ
เช่น ปีนี้, เดือนนี้, สัปดาห์นี้ หรือ
วันนี้ เพราะคิดว่าตัวเองมีงานเยอะอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตั้ง แต่จริงๆ แล้ว
การตั้งเป้าหมายแล้วทำได้ก็จะทำให้เรามีความสุข แล้วอยากจะตั้งอีกเรื่อยๆ
หากไม่สำเร็จบ้างก็ลองตั้งใหม่เดี๋ยวก็สำเร็จเอง ผมเจอคนประสบความสำเร็จมาเยอะส่วนใหญ่แล้ว
จะเล่าเป้าหมายของเขาได้ชัดเจนจนเราเห็นภาพเลยครับ
3. เผชิญหน้ากับความล้มเหลวแล้วเริ่มใหม่
คุณลักษณะเด่นข้อนี้มีอยู่ในทุกคนที่ประสบความสำเร็จ
เพราะเขาจะลุกขึ้นมาได้ทุกครั้งที่เขาล้มเหลว แล้วมุ่งมั่นต่อไปจนในที่สุดไม่มีอะไรขวางกั้นเขาได้เพราะการทำงานทุกอย่างล้วนมีสิ่งที่เราคาดไม่ถึง
ถึงแม้ว่าเราจะเตรียมตัวไว้ดีแค่ไหน ก็อาจจะเจออุปสรรคที่ทำให้ล้มเหลวได้
ดังนั้นหากเราบอกกับตัวเองเสมอๆ ว่า ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องน่าละอาย
แต่การไม่ลุกขึ้นมาทำต่อไปต่างหากที่เป็นเรื่องน่าละอายก็จะทำให้เรามุ่งมั่นสู่ความสำเร็จได้ไม่ยากเลยครับ
เช่น นักกีฬาที่ชนะเลิศ ทุกคนจะพบกับการแพ้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เพียงแต่เขาไม่ยอมแพ้นั่นเอง เขาจึงประสบความสำเร็จในที่สุด กรรมการผู้จัดการ
หรือเถ้าแก่หลายคนที่ประสบความสำเร็จ ก็จะมีบาดแผลแห่งความล้มเหลวเต็มตัวเช่นกัน
กว่าที่จะมาถึงวันนี้ได้
4. มุ่งมั่นในความคิดของตัวเองและทำจนกว่าจะสำเร็จ
คนเชื่อมั่นในตนเอง
จำทำให้เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองด้วย แต่ก็ไม่ใช่ในความหมายว่าเป็นคนดื้อนะครับ
แต่จะเป็นความหมายว่ามีจุดยืนของตัวเองไม่ว่าผู้อื่นจะคิดอย่างไรในความคิดของเขา
เขาก็จะมุ่งมั่นทำมันเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถทำมันได้
และจะภูมิใจในความคิดของตัวเองไปเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จในที่สุด
หัวหน้าหลายคนทำให้ลูกน้องขาดความมั่นใจโดยไม่รู้ตัว เพราะจะคอยทักว่าไม่ดี
ไม่ควรทำ เพราะหัวหน้าเห็นข้อจำกัดแต่จริงๆ แล้ว เท่ากับปิดกันไม่ให้ลูกน้องได้คิดเองทำให้สุดท้ายลูกน้องคนนั้น
ก็จะไม่มีความคิดเลย แล้วก็จะเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองในที่สุด
หลายคนที่เป็นหัวหน้าคนอยู่ ควรระวัง ข้องนี้ให้ดีนะครับ
ต้องคอยยุให้เขาทำตามความคิดของเขาจนกว่าจะสำเร็จ อย่าหยุด!
5. อยู่กับช่วงที่ตัวเองรู้สึกแย่น้อยกว่าช่วงที่ตัวเองรู้สึกดี
ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง
คงไม่มีใครที่จะมีชีวิตที่ดีไปตลอด และก็ไม่มีใครที่มีชีวิตแย่ไปตลอด
เพียงแต่ว่าใครจะเผชิญกับความรู้สึกแย่และความรู้สึกดีมากกว่ากัน
ซึ่งการเผชิญความรู้สึกนี้ก็คือจิตใจที่เราไปคิดกับเหตุการณ์นั้นๆ เอง
หากเราสามารถควบคุมความรู้สึกแย่ให้เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ
แล้วพยายามรักษาความรู้สึกดีๆ ให้อยู่ในช่วงนานๆ หน่อย ก็จะทำให้ชีวิตมีความสุข
และดำเนินชีวิตการทำงานไปได้อย่างราบรื่นแล้วจะประสบความสำเร็จในที่สุด
ประสบการณ์ชีวิตการทำงานของแต่ละคนจะช่วยในเรื่องนี้ ได้ เช่น
คนที่ผ่านเหตุการณ์วิกฤตมามากก็จะเข้าใจ และไม่จมอยู่กับเรื่องไร้สาระ
เช่นความหดหู่, เบื่อหน่าย, ขี้เกียจ
นานนักเพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ดังนั้นก็จะปล่อยให้ความรู้สึกแย่ๆ
อยู่แค่แป็บเดียว แล้วกระตุ้นตัวเองได้ เดินหน้าต่อได้ สำหรับคนที่ประสบการณ์น้อย
ก็ต้องค่อยๆ ฝึกฝนไปครับ
6. รับฟังคำวิจารณ์จากผู้อื่นได้ดี
ความรู้อยู่ในทุกๆ
ที่ที่เราผ่านไป ดังนั้นการรับฟังผู้อื่นเป็นหัวใจสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คำวิจารณ์จากผู้อื่น ถ้าหากใครสามารถรับฟังได้มากก็จะประสบความสำเร็จได้มาก เพราะสามารถแปลคำวิจารณ์เป็นสิ่งที่เราสามารถนำไปปรับปรุงได้ไม่ใช่ฟังว่าเขาว่าอะไรเรา
ดังนั้นถ้าหากเราเป็นคนเปิดกว้าง ก็จะมีสิ่งต่างๆ เข้ามาหาเรามากขึ้น เราก็มีโอกาส
เลือกสิ่งดีๆ ได้มากขึ้น ส่วนสิ่งไม่ดีเราก็ไม่ต้องรับเข้ามาแต่การรับฟังคำวิจารณ์
จะให้ผู้อื่นกล้าพูดกับเรามากขึ้น ทั้งหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง
ทำให้เราทำงานผ่านผู้คนได้ดีขึ้น สุดท้ายเราก็จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จแน่นอน
7. มีทัศนคติเชิงบวก
หมายความว่า การที่เรามีความเชื่อมั่นในงานที่เราทำและพร้อมที่จะรับผลของความล้มเหลวโดยการให้กำลังใจตัวเอง
เพื่อให้ทำอีกจนกว่าจะประสบความสำเร็จ
และไม่จินตนาการเรื่องที่เลวร้ายก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริง
แต่จะคิดในด้านบวกเสมอๆ กับสิ่งที่ทำเพื่อให้อยากทำ และอยากประสบความสำเร็จเพราะจินตนาการผลลัพธ์ในด้านดีไว้แล้ว
คนเราสามารถโต้ตอบกับสิ่งต่างๆ ทั้งด้านบวกและด้านลบได้ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเรา
แต่ถ้าเราควบคุมทัศนคติเชิงบวกในเรื่องต่างๆได้มากเท่าไร
เราก็จะลงมือทำเรื่องต่างๆ ได้มากเท่านั้น ผลลัพธ์หรือผลงานก็จะยิ่งออกมาดี แล้วก็จะเหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ทำกันอยู่
คือเป็นคนที่มีทัศนคติเชิงบวกมากกว่าคนที่ประสบความล้มเหลว
8. มีภาวะความเป็นผู้นำสูง
ผู้นำ คือ
ผู้ที่มีผู้อื่นปฏิบัติตามในสิ่งที่เราอยากให้ทำด้วยความเต็มใจ
ดังนั้นผู้นำจะต่างจากผู้จัดการค่อนข้างมาก เพราะผู้จัดการทำให้ผู้อื่นทำตามด้วยคำสั่ง
แต่ผู้นำทำให้ผู้อื่นทำตามด้วยการจูงใจ
ในชีวิตการทำงานเราคงต้องมีทั้งความเป็นผู้จัดการและความเป็นผู้นำ
แต่ถ้าผู้จัดการคนใดมีภาวะความเป็นผู้นำสูง ก็ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า
เรื่องของผู้นำคงต้องขอยกไปพูดในหัวข้ออื่นๆ เพราะเป็นเรื่องที่เยอะมาก
เพียงแต่อยากชี้ให้เห็นว่า ผู้ประสบความสำเร็จ
จะมีภาวะความเป็นผู้นำภายในตัวเองสูง และผู้ตามก็อยากตามด้วยความเต็มใจ
9. ให้ความสำคัญกับผู้อื่น
ผู้ประสบความสำเร็จทุกคนไม่สามารถทำอะไรโดยลำพังได้เลย
ต้องมีผู้อื่นร่วมอยู่ในงานนั้นๆ อยู่เสมอ
ถ้าผู้ใดบอกว่าประสบความสำเร็จได้โดยลำพัง แสดงว่าผู้นั้นคงเข้าใจอะไรผิด
บางอย่างแน่ๆ เลย เพราะไม่มีผู้ยิ่งใหญ่คนใดทำงานสำเร็จได้เอง
ดังนั้นการให้ความสำคัญกับผู้อื่นอย่างจริงใจจึงเป็นคุณลักษณะเด่นที่สำคัญ
จะเห็นว่า ผู้ใดมีทีมงานที่ยิ่งใหญ่และเป็นทีมเวิร์คผู้นั้นจะประสบความสำเร็จสูง
การให้ความสำคัญผู้อื่นหมายถึง การทำให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในวิสัยทัศน์ , ค่านิยม และแผนงานของเรา ส่งเสริมให้เขาได้แสดงความสามารถของเขาให้เต็มที่
ยอมรับในคุณค่าของเขา และปฎิบัติต่อผู้อื่นดังนี้ จะประสบความสำเร็จแน่นอนครับ
10. ดำเนินเรื่องด้วยความไม่ประมาท
ผู้ประสบความสำเร็จ
จะไม่กลัวความล้มเหลว คิดอะไรได้ก็จะลงมือทำทันที แต่เขาก็ไม่ได้ประมาท
เพราะก่อนที่เขาจะลงมือทำนั้น ต้องมีข้อมูล และแผนงานที่ชัดเจนก่อน มิเช่นนั้น
เขาก็ยังไม่ทำ หรือพูดอีกนัยหนึ่ง คือ เขามีขั้นตอนในการดำเนินชีวิตที่แน่นอน
ไม่ยืนอยู่บนความเสี่ยงเด็ดขาดแต่ก็ไม่กลัวความล้มเหลวเมื่อลงมือทำแล้วก็จะทำให้ตลาดจนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จ
เริ่มต้นทันทีกับโอกาสที่ดีที่สุดในโลก
1. ผลิตภัณฑ์ !
ผลิตภัณฑ์ ! ผลิตภัณฑ์ !
เริ่มต้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ คุณต้องเชื่อว่าผลิตถัณฑ์ที่คุณใช้อยู่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีเรื่องดี
ๆ เล่าให้คนอื่นฟังต่อว่าอะไรที่เป็นลักษณะเด่น
มีประโยชน์ และได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
การนำประสบการณ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณเองมาเล่าสู่กันฟังเพื่อบรรยายสรรพคุณ
ของตัวผลิตภัฑณ์จะทำให้คุณดูน่าเชื่อถือ และสามารถโน้มน้าวผู้อื่นได้สำเร็จ
2. รู้จักบริษัทของคุณ
เรียนรู้เกี่ยวกับบริษัทของคุณให้มากเท่าที่จะทำได้
ใครเป็นเจ้าของกิจการ และประวัติของเขาเป็นมาอย่างไร
บริษัทดำเนินธุรกิจมานานเท่าไรแล้ว ปริมาณยอดขายสินค้าและความรวดเร็วในการขยายตัวของสินค้าป็นอย่างไร
มีผู้จัดจำหน่ายมากเท่าไร และเครือข่ายนี้ขยายตัวได้มากแค่ไหน
3. ฉันจะได้รับผลตอบแทนเท่าไร
เข้าใจถึงแผนการตลาด ศึกษาแผนจากบริษัท
สอบถามอัพไลน์ของคุณ ต้องรู้ว่ามีโบนัสอะไรบ้างที่บริษัทต้องจ่ายไห้คุณจากยอดขายที่คุณและดาวไลน์ทำได้
ต้องรู้ว่าอัตราการจ่ายเงินที่คุ้มค่าคารเป็นเท่าใด
4. คุณเป็นนายตัวเอง
ขณะที่คุณเป็นนายของธุรกิจตัวเอง ซึ่งหมายถึงว่าคุณสามารถทำงานที่ไหนก็ได้
และหนักหรือเบาก็ได้เท่าที่คุณต้องการ เพราะไม่มีขอบเขต แต่ถ้าคุณต้องการทำงานให้ได้ดี
คุณต้องเตรียมตัวที่จะทำงานอย่างหนักและชาญฉลาด
5. เส้นทางสู่ความสำเร็จ
รักษาเส้นทางสู่ความฝันและเป้าหมายของคุณไว้
จดบันทึกแผนการแต่ละวันไว้เสมอ แผนในแต่ละสัปดาห์ เดือน และปี คุณน่าจะบรรลุเป้าหมายที่เป็นความฝันของคุณได้มากกว่า ถ้าคุณเขียนมันลงไปและทบทวนมันทุกคืนก่อนที่คุณจะนอน เมื่อคุณเกิดท้อแท้ก็ให้มองย้อนไปในสิ่งที่คุณทำสำเร็จมาแล้ว
จิตคุณจะได้กระชุ่มกระชวย คุณจะมีความพร้อมที่จะเดินทางต่อไป
6. สร้างความสำเร็จของคุณบนความสำเร็จของคนอื่น
การตลาดเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ช่วยเหลือคนอื่นได้ยกฐานะชีวิตของเขา
ธุรกิจของเราถูกสร้างขึ้นมาเป็นลักษณะเพราะ เพื่อที่จะเห็นว่าความสำเร็จของเราขึ้นอยู่ กับความสำเร็จโดยตรงที่เราได้ช่วยให้คนอื่นประสบความสำเร็จของเขา
ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ก็ช่วยเพียงนิดหน่อยสัก 2-3 คน แต่ถ้าคุณต้องการความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ คุณก็ต้องช่วยคนจำนวนมากให้ประสบความสำเร็จ
7. สร้างความหลงใหลในผลิตภัณฑ์
นักการตลาดเครือข่ายที่จะประสบความสำเร็จต้องมีความหลงใหลในผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแผนการตลาดที่ดี และเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นก่อนที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้
หากคุณไม่รัก ผลิตภัณฑ์มันก็จะไม่ได้ผลอะไร
จำไว้ว่านี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่ต้องใช้ถ้อยคำมากมาย
และถ้าคุณไม่สามารถที่จะบอกกับเพื่อน ๆ
ของคุณเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่คุณชอบหรือใช้เอง ก็อย่างเข้ามายุ่งกับธุรกิจนี้
8. ยิ้ม
ยิ้ม มองจ้องตาที่ดวงตาของทุก ๆ คน ที่คุณพบและยิ้มให้เขา
มันทำให้คุณดูยอดไปเลย แถมยังรู้สึกเยี่ยมอีกด้วย
การยิ้มเป็นเครื่องสำอางค์ที่ราคาถูกที่สุดในโลก
9. ทำไม่ต้องเป็นการตลาดเครือข่าย
ทำไม่คุณจึงต้องการอยู่ในธุรกิจตลาดเครือข่าย นักการตลาดเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จส่วนมากได้รับแรงผลักดัน
จากประสบการณ์บางอย่างที่พวกเขามี เป็นสิ่งสำคัญที่จะระลึกถึงมัน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
มันช่วยให้คุณมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
10. เปลี่ยนความกลัวให้เป็นพลัง
และความกล้า
คุณไม่สามารถปิดบังข้อเท็จจริงที่ว่ามีบางคนที่ได้รับรู้ศักยภาพอันมหาศาล ของการตลาดเครือข่าย แต่ไม่เคยยอมลงมือทำ
ให้ความสำเร็จเกิดขึ้นกับพวกเขา และหยุดชะงักในตอนแรกที่ต้องพูดเรื่องนี้กับคนบางคน
อุปสรรคสำคัญยิ่งคือความกลัว กลัวว่าจะล้มเหลว
กลัวว่าจะมองดูไม่ดี กลัวว่าจะถูกเยาะเย้ย
ความกลัวเกิดขึ้นเมื่อความเชื่อของคุณไม่เข็มแข็ง
ความกดดันจะหายไปทันทีที่คุณเชื่อว่า สิ่งที่คุณจะเสนอไม่ใช่เพียงแค่มีคุณค่า แต่มันยังสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนบางคนได้ตลอดไปด้วย